
เทพเจ้าราทรงได้รับการยกย่องให้เป็นพระบิดาและราชาแห่งเทพยดาทั้งหมูทั้งหมวด มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงอีกด้วย เล่ากันว่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตเกิดมาจาก พระเสโทและน้ำในพระเนตรของพระองค์ ตามตำนานได้เล่าอีกว่า เทพเจ้าราทรงปกครองโลกนี้ซึ่งอยู่เหนือจักรวาลที่พระองค์ทรงเนรมิตขึ้นมา ต่อมาพระองค์ได้ทรงแปลงกายมาเป็นมนุษย์ และ ได้กลายเป็นฟาโรห์พระองค์แรกที่ปกครองอาณาจักรไอยคุปต์หรืออียิปต์โบราณนั้นเองจนเจริญรุ่งเรือง ต่อมาเมื่อทรงชราภาพและอ่อนแอลง ประชาชนบางกลุ่มได้คิดที่จะแข็งข้อ ต่อต้าน ทำให้พระองค์โกรธเป็นอันมากและดำริจะใช้ตาไฟเผาผลาญทำลายชีวิตกลุ่มบุคคลดังกล่าวให้วอดวายหรือตายไป แต่ได้รับข้อเสนอว่าการกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ที่ไม่ผิด เดือดร้อน ด้วยเหตุนี้นี่เองพระองค์จึ่งได้ทรงเนรมิตเทวีฮาเอทร์ ให้กลายร่างสิงโตตัวเมียสูงใหญ่และดุร้ายออกไปล่ากลุ่มมนุษย์ชั่วร้ายกลุ่มนี้ซะที่คิดแข็งข้อกัพระองค์ สิงโตจึ่งได้ทำหน้าที่ของมันคือ ได้ฉีกเนื้อมนุษย์และดื่มเลือดเป็นอาหาร จนกระทั่งสิงโตที่พระองค์สร้างขึ้นได้เมามันกับการล่าเหยื่อจนกระทั่งทำลายมนุษย์บริสุทธิ์ เทพพระเจ้าราพระองค์ทรงเศร้าพระทัยมากกับการกระทำดังกล่าวจึงได้ อภัยให้แก่มนุษย์ และด้วยความรักที่มีต่อมนุษย์นี้เอง ทำให้พระองค์พร้อมด้วยเหล่าเทพยดาทรงเสด็จสู่สวรรค์และได้กลายเป็นดวงดาวต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้ทำให้สวรรค์กับโลกแยกจากกัน เล่ากันว่า ดวงอาทิตย์หรือเทพเจ้าราจะเดินทางข้ามบอบฟ้า จากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกเป็นประจำทุกวัน เทพเจ้าราพระองค์จะเสด็จโดย เรือแมนเจ็ตพร้อมด้วยเหล่าเทพยดาที่คอยทำลายศัตรูของเทพเจ้าราที่มักขวางทาง ขณะข้ามขอบฟ้าเป็นประจำอย่างนี้ทุกๆวัน หัวหน้ากลุ่มศัตรูของเทพเจ้าราก็คือ พญางูยักษ์เอเป็ป ซึ่งอาศัยอยู่ในวังน้ำลึกของแม่น้ำไนล์นั้นเอง
มีบางตำนานเล่าว่า เทพเจ้ารานั้นทรงเกิดขึ้นตอนเช้าเป็นเด็กน้อย และในตอนเที่ยงก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง ครั้นถึงตอนเย็นก็จะเป็นคนชรา และ พระองค์ก็จะต้องตายในคืนนั้น ดูแล้วพระองค์ทรงคล้ายกับนกพินิกที่จะตายแล้วพื้นคืนชีพได้ของตำนานเทพเจ้าในกรีกเลย เรื่องนี้สอดคล้องกันตำนานเทพเจ้าราขณะทรงปกครองโลก โดยได้มีเรื่องเล่าไว้ว่า เมื่อเทพเจ้าราเสด็จลงประทับเรือ เดินทางในยามรัตติกาลหรือยามคำคืน ก็จะจำแลงเปลี่ยนพระเศียรของพระองค์เป็นหัวแกะ และพระองค์ก็ทรงมีพระนามอีกอย่างว่า อัฟ-รา หรือ อัฟ ซึ่งหมายถึงซากศพหรือคนที่ตายแล้ว พระองค์เดินทางตลอดสิบสองชั่วโมงแห่งความมืดมิด เรือที่ประทับมีชื่อว่า เมเซ็ค เค็ต เรือยามราตรี ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ เชื่อว่าวิญญาณของฟาโรห์และมนุษย์ที่ตายไปแล้วจะอยู่ในรูปแบบของดวงดาว ซึ่งจะคอยรับใช้เป็นลูกเรือสุริยะ ดวงดาวเหล่านั้นก็จะไม่ตกในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากแสงพระอาทิตย์อันเจิดจ้านั่นเอง เทพเจ้าราเป็นเทพเจ้าที่สูงสุดได้รับการสรรเสริญและเคารพบูชาทั่วทั้งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งต่างก็ถือหรือเชื่อกันว่าพระองค์คือผู้สร้างโลกและจักรวาลขึ้นมา รวมทั้งเทพยดาทั้งมวล ในสมัยยุคอาณาจักรเก่าบรรดาฟาโรห์ที่ปกครองอาณาจักรอียิปต์เล่าต่อๆกันมา มักจะตรัสอ้างว่าเป็นโอรสของเทพเจ้ารา และสวมเครื่องรางรูปพระเนตร อันเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้ารา อันหมายถึงอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์และสูงสุดไม่มีใครสามารถเทียบเคี่ยงได้