ดินแดน ตำนาน เทพ นวนิยาย สแกนดิเนเวีย

ดินแดน ตำนาน เทพ นวนิยาย สแกนดิเนเวีย


ในบางตำนานได้กล่าวไว้ว่า มีดินแดนทั้งหมด 9 ดินแดน แบ่งเป็นสามส่วน
ส่วนบนสุด ส่วนที่ 1 :
ดินแดนของพวกเทพแอสการ์ด Asgard - ที่อยู่ของเทพเอซีร์คือเทพที่เกิดจากโอดิน
ดินแดนของพวกเทพวานาเฮมVanahiem - ที่อยู่ของเทพวานีร์คือเทพนอกเหนือออกไปที่ไม่มีเชื้อสายเลือดของโอดิน
อัลฟ์เฮมAlfheim - เป็นดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่างนั่นเอง มีเวทย์มนต์เป็นเอลฟ์ชั้นสูง
ส่วนกลาง ส่วนที่ 2:
ดินแดนมิดการ์ดMidgard - เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ดินแดนนิดาเวลเลียร์Nidavellir - ดินแดนของคนแคระมนุษย์ตัวเล็กๆ
โจทันเฮมJotanheim - ดินแดนแห่งพวกยักษ์ซึ่งในตำนานบางตำนานก็บอกแยกออกไป
สวาตัลฟ์เฮมSvartalfheim - ดินแดนของพวกเอลฟ์ดำและเอลฟ์ขาวถือได้ว่าเป็นเอฟ์ชั้นต่ำ
ส่วนที่อยู่ล่างสุด ส่วนที่ 3:
เฮลเฮมHelheim - ดินแดนใต้พิภพหรืออาณาจักรแห่งความตายหรือเรียกอีกอย่างว่านรก ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล
นิฟเฟิลเฮมNiflheim - เป็นโลกแห่งความตาย

การสร้างโลก ตำนาน เทพ นวนิยาย สแกนดิเนเวีย

การสร้างโลก ตำนาน เทพ นวนิยาย สแกนดิเนเวีย

        แรกเริ่มเดิมทีนับจากอดีตกาบนั้นยังไม่มีจักรวาล ไม่มีโลก มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าทำนองเดียวกับเคออสของตำเทพนวนิยายกรีก ต่อมาก็เกิดดินแดนหรืออาณาจักรแห่งความหนาวเย็น คือ นิฟเฟิลไฮมNiflheim ขึ้นทางตอนเหนือ และดินแดนหรืออาณาจักรแห่งไฟ คือ มุสแปลไชม์Muspellsheim ทางตอนใต้ เมื่อความร้อนและความเย็นมาบรรจบและรวมตัวกันน้ำแข็งจึงได้ละลายกลายเป็นหยดน้ำ และได้ถือกำเนิดเป็นยักษ์ชื่ออึมีร์ Ymir ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นตระกูลของยักษ์ทั้งหลายทั้งมวง เมื่อยักษ์อีมีร์กำเนิดมาไม่รู้จะทำอะไรก็ได้เดินไปเดินมาจนเกิดความเหนื่อยล้าแล้วก็เผลอหลับไป และได้ให้กำเนิดแม่วัวเอาดูมุลลามา Audumulla อึมีร์ดื่มนมจากแม่วัวตัวนี้จนเติบใหญ่ ส่วนแม่วัวนั้นได้เลียก้อนน้ำแข็งที่มีรสเค็มมากจนก้อนน้ำแข็ง ก่อตัวเป็นสิ่งมีชีวิตคือบุริ Buri บุรินี้เองที่เป็นตนกำเนิดของเหล่าทวยเทพในตำนานของพวกสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีลูกชายชื่อบอร์ Bor ตำนานหนึ่งได้เล่าไว้ว่าชายหญิงคู่แรกได้ถือกำเนิดจากรักแร้ข้างซ้ายของยักษ์อึมีร์ และเท้าทั้งสองเกิดเป็นยักษ์น้ำแข็ง หรือ Frost Giants ภายหลังยักษ์อึมีร์ถูกเทพเจ้า ๓ องค์ คือ เทพเจ้าโอดิน Odin วิลิ Vil และเว Ve ซึ่งเป็นลูกชายของบอร์ฆ่าตาย บุตรทั้งสามช่วยกันสร้างโลกขึ้นมาจากร่างกายของยักษ์อึมีร์โดยใช้เนื้อสร้างเป็นผืนแผ่นดิน กระดูกสร้างเป็นภูเขาหรือเทือกเขาและก้อนหิน เส้นผมใช้ในการสร้างต้นไม้ใบหญ้า และเลือดใช้ในการสร้างทะเล หัวกะโหลกถูกนำไปสร้างทำเป็นท้องฟ้าหรือผืนฟ้า โดยใช้ให้คนแคระ ๔ ตน ให้เป็นผู้ชูไว้ให้สูงเหนือโลก ส่วนมันสมองนำมาสร้างเป็นก้อนเมฆ เชื่อกันว่าคนแคระได้ถือกำเนิดจากหนอนที่เกิดขึ้นในร่างของยักษ์อึมีร์ อาจมองได้ว่ายักษ์อึมีร์ไม่เพียงแต่เป็นต้นกำเนิดของเพศชายและเพศหญิงเท่านั้น แต่ยังได้เป็นต้นกำเนิดของมนุษย์และยักษ์ด้วย นั่นสิ

        ระหว่างเผ่าพันธุ์ทั้งหลายทั้งมวลมีการแบ่งอาณาเขตหรืออาณาจักรกันอย่างชัดเจน ศูนย์กลางของอาณาจักรหรืออาณาเขต คือต้นไม้แห่งโลกหรือ World Tree คือ ต้นอึกดราซิล Yggdrasil ซึ่งมีรากทะลุเข้าไปใน ๓ ภพ คือ ภพของเทพเจ้า ภพของยักษ์ และภพของคนตาย ซึ่งบนยอดไม้มีไก่ทองเกาะอยู่ ไก่ตัวนี้จะขันเตือนภัยเมื่อพวกยักษ์เข้ามารุกรานอาณาจักรต่างๆ ที่โคนมีลำธารหรือแม่น้ำชื่อมิมีร์ Mimir ใต้รากหนึ่งของต้นไม้นี้ เทพเจ้าโอดินได้ดื่มน้ำจากลำธารนี้เพื่อจะได้เรียนความรู้เกี่ยวกับอักษรรูน Rune ซึ่งเป็นตัวอักษรโบราณกาลที่มีอำนาจพิเศษหรือเวทมนต์ อาจนำใช้เพื่อสาปแช่งหรือทำร้ายใครๆ ก็ได้ โดยเทพโอดินได้ยอมแลกกับการเสียดวงตาข้างหนึ่ง  ภพของเหล่าเทพคืออัสการ์ด Asgard ซึ่งมีมีมหาเทพโอดินเป็นประมุข เทพแต่ละองค์จะมีวิมานหรือที่อยู่ของตนเอง วิมานของโอดินคือวัลฮัลลา Valhalla มีกำแพงล้อมรอบอัสการ์ดไว้ ภพของมนุษย์นั้นมีชื่อว่ามิดการ์ด Midgard มีรูปทรงกลมเป็นผืนดินล้อมรอบด้วยมหาสมุทรต่างๆ ซึ่งมีสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่หรืองูยักษ์ที่เรียกว่า World Serpent ขดอยู่รอบโลกหรือข้างในโลกได้ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ท้องทะเลและคอยกัดกินรากของต้นอึกดราซิลอยู่ตลอดเวลา มิดการ์ดนั้นก็มีกำแพงป้องกันเฉ่นเช่นเดี่ยวอัสการ์ด ซึ่งสร้างมาจากคิ้วของอึมีร์ เทพเจ้าทำให้เกิดเวลาขึ้นในโลกโดยให้ Night และ Day ขับรถศึกไปรอบๆ ท้องฟ้า โลกของมนุษย์และเทพเจ้านั้นได้เชื่อมต่อกันด้วยสะพานสายรุ้งที่มีว่าชื่อบิฟรอสต์ Bifrost ใต้มิดการ์ดหรือภพของมนุษย์ลงไปเป็น ภพที่ ๓ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกคนตาย มีชื่อว่าเฮล Hel หรือเรียกว่าโลกใต้บาดาลนี้ อยู่ใต้การปกครองของเทพีเฮล มีสุนัขชื่อ การ์ม Garm คอยเฝ้าและป้องกันไม่ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่เข้าไปในดินแดนแห่งความคนตายได้ ทำนองเดียวหรือคล้ายกับเซอร์บิรุส Cerberus สุนัขที่มีสามหัวซึ่งเฝ้าประตูนรกให้เฮดีส Hades ซึ่งเป็นดินแดนแห่งพวกคนตายของตำนานชาวกรีก ส่วนพวกยักษ์นั้นมีอาณาจักรเป็นของตนเองชื่อโยทุนไฮม์ Jotunheim และคอยโจมตีเทพเจ้าอยู่เสมอ พูดง่ายคือเป็นอริกันนั้นเอง

ฮก ลก ซิ่ว ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน

ฮก ลก ซิ่ว ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน
       ฮก ลก ซิ่ว นั้นเป็นเทพที่ชาวจีนนิยมนำรูปปั้นมาตั้งไว้ในบ้านเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้าน ซึ่ง เทพ 3 องค์ นี้ต่างก็มีความเป็นมงคลที่แตกต่างกัน ได้แก่
       เทพฮก ซึ่งในรูปจะอยู่ริมขวาของเทพลก เทพฮกนั้นเป็นเทพแห่งความมั่นคงด้วยทรัพย์สินเงินตราตลอดจนความสุขในครอบครัวมากด้วยลูกหลานเหล๊นโหลน เพราะชาวจีนเชื่อว่า การที่เราได้อยู่กับลูกหลานนั้นเป็นสุขที่สุดในชีวิตแล้ว ซึ่งลักษณะรูปร่างของเทพฮกจะเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาอิ่มเอม
       ส่วนเทพลกซึ่งอยู่กลางของรูป เป็นเทพแห่งลาภยศยศฐาบรรดาศักดิ์ บุญพาวาสนาและบารมี ซึ่งลักษณะรูปร่างของเทพลกจะเป็นชายวัยกลางคนที่สูงสง่าแต่งกายเป็นขุนนางชาวจีนที่มียศสูงสุดของชนชาวจีน
      แต่ส่วนเทพซิ่วองค์ริมซ้ายของเทพลกหรือซ้ายสุดของรูป เป็นเทพแห่งความมีอายุมักขวัญยืน หรือ อายุยืนยาวนั้นเอง ความเป็นอมตะ ซึ่งในรัชสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้เคยสร้างศาลเทพซิ่วเพื่อหวังจะได้มีอายุยืนยาวหรือเป็นอมตะอีกด้วย ซึ่งลักษณะของเทพซิ่วจะเป็นชายชรามีหนวดเครายาว หน้าตาอิ่มเอม ยิ้มแย้มอยุ่ตลอดเวลา และมีหัวผากหัวโน้กนูนออกมาแสดงถึงอายุยืนยาว หรืออมตะ
      และชาวจีนยังมีสัญลักษณ์แทนองค์เทพ ฮก ลก ซิ่ว ดังนี้ เทพฮกเทียบได้กับค้างคาว ซึ่งในภาษาจีนค้างคาวอ่านออกเสียงเหมือนคำว่าฮก ซึ่งแปลว่า ความสุขนั้นเอง
     ส่วนเทพลกเทียบได้กับ กวาง เพราะคำว่ากวางในภาษาจีนอ่านออกเสียงเหมือนกับคำว่าลก
     ส่วนเทพซิ่วคือผลท้อเพราะผลท้อเป็นผลไม้ของสวรรค์ซึ่งถ้ากินแล้ว จะมีอายุเป็นหมื่นปีๆซึ่งเทพซิ่วก็เป็นเทพแห่งอายุยืนยาว และอมตะอีกด้วย

ท้าวจตุโลกบาล ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน

ท้าวจตุโลกบาล ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน







     ท้าวจตุโลกบาลตามความเชื่อชนชาวจีน ซึ่งในปัจจุบันนั้น มีหน้าที่ดูแลพระพุทธองค์หรือพระพุทธเจ้า โดยทั่วไปในวัดของจีนจะมีท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ยืนอารักขาอยู่ไม่ให้มีสิ่งเลวร้ายเข้ามาในเขตพุทธสถาน 

     ท้าวจตุโลกบาลมีด้วยกัน 4 องค์ ได้แก่
     ท้าวธตรฐ หรือ ทิก๊กเทียนอ๋อง ซึ่งจะทรงถือพิณเป็นอาวุธประจำกาย
     ท้าววิรุฬหก หรือ เตียงเชียงเทียนอ๋อง ทรงถือร่มเป็นอาวุธประจำกาย
     ท้าวกุเวร หรือ โต้บุ๋นเทียนอ๋อง ทรงถืองูเป็นอาวุธประจำกาย
     ท้าววิรูปักข์ หรือ กวางมักเทียนอ๋อง ทรงถือกระบี่เป็นอาวุธประจำกาย

    ซึ่งด้วยท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ จะประจำอยู่คนละทิศกันไป ซึ่งแต่ละองค์จะมีใบหน้า หน้าตาที่น่ากลัวน่าเกรงขามเพื่อไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามาในเขตศักดิ์สิทธิ์ได้ของวัดได้

เจ้าแม่หนี่วา ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน

เจ้าแม่หนี่วา
เทพมารดร ชนชาวจีน
ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน


     คราวนี้เรามาศึกษาเรื่องราวการกำเนิดมนุษยชาติตามคติความเชื่อชนชาวจีน ชนชาวจีนมีความเชื่อว่าพวกของตนและมนุษย์ทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นมาจากเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ในยุคดึกดำบรรพ์ที่มีนามว่า หนี่วา เจ้าแม่หนี่วานี้เองที่ทรงเป็นผู้สร้างมนุษยชาติจากปั้นดินเหนียวขึ้นมา ครั้งกำเนิดโลกและสวรรค์ขึ้นมานั้น เทพมารดรหรือเทพธิดาองค์หนึ่ง ซึ่งมีนามว่า หนี่วา ทรงได้ลงมายังโลกมนุษย์พบ และกับบรรยากาศที่งดงาม แต่กลับมีแต่ความเงียบเหงา พระองค์จึงได้คิดและทรงหยิบดินเหนียวขึ้นมาปั้นเป็นรูปมนุษย์เพศชายและเพศหญิงขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แล้วพระองค์ก็ได้ทรงมอบชีวิตให้กับดินเหนี่ยวพวกนั้น มนุษย์จึงได้ก่อกำเนิดขึ้นบนผืนแผ่นดินของโลกใบนี้นั้นเอง 

      อีกตำนานหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า เทพมารดรเจ้าแม่หนี่วาได้อภิเษกกับเทพฝูซี และได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา พอเทพฝูซีไปทำภารกิจหรือธุระด้านนอก เจ้าแม่หนี่วาเองเกิดความคิดถึงเทพฝูซีผู้เป็นสามีเป็นอย่างมาก และด้วยความคิดถึงจึงได้หยิบดินเหนียวก้อนหนึ่งและปั้นเป็นตุ๊กตาดินเหนียวเล็กๆ ที่มีลักษณะคล้ายเทพฝูซีทั้งหน้าตาและรูปร่าง แต่ด้วยอิทธิพลังของเทพมารดรหนี่วาที่ซึมซับสู่ตุ๊กตาดินเหนียว มันจึงได้มีชีวิตมันวิ่งไปวิ่งมาไม่หยุด เจ้าแม่จึงสงสัยและคิดได้ว่ามันไม่มีดวงตาและจะเห็นอะไรได้เหล่า เจ้าแม่หนี่วาจึ่งได้ทรงนำเม็ดทรายสีดำมาวางไว้บนใบหน้าให้เป็นดวงตาสองดวงกับตุ๊กตา เจ้าแม่ด้วยความเหงาจึงคิดชวนเจ้าตุ๊กตาดินเหนี่ยวคุยด้วย แต่มันไม่สามารถคุยได้เพราะมัน ยังไม่มีปากนั้นเอง เจ้าแม่จึงวาดปากลงบนใบหน้าให้กับมัน เจ้าแม่หนี่วาคิดว่าคราวนี้เราคงไม่เหงาอีกแล้ว แต่พระองค์ทรงตรัสอะไรไปเจ้าตุ๊กตาก็ไม่ยอมตอบกลับ เจ้าแม่ลองคิดตรึกตรองดูที่แท้มันยังไม่มีหูนี้เอง แล้วจะฟังเรารู้เรื่องได้อย่างไรกัน เจ้าแม่จึงเจาะหรือทำรูหูให้ นับจากนั้นเจ้าแม่หนี่วาก็ไม่รู้สึกเหงา พระองค์ทรงสนุกกับเจ้าตุ๊กตาดินเหนียวตัวเล็กนั้นมาก และแล้วพระองค์ก็คิดสนุกสร้างตุ๊กตาดินเหนี่ยว ที่เหมือนกันขึ้นมามากมาย ซึ่งก็มีความแตกต่างกันไป มีทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่วัยต่างๆ  คนแก่ วัยรุ่นหนุ่มสาว เพศชาย เพศหญิง พระองค์ต้องการสร้างให้มีจำนวนเยอะขึ้นมากขึ้นกว่านี้ จึงได้ใช้เส้นด้ายของตนจุ่มลงไปในดินเหนียวและสะบัด เศษดินเหนียวนั้นก็ได้เกิดขึ้นมาเป็นคนจำนวนมากมาย แต่ด้วยความไม่ประณีตและระเอียดของเจ้าแม่หนี่วา มนุษย์ที่เกิดมาในครั้งนี้จึงไม่สมบูรณ์แบบ บ้างก็พิการ บ้างก็อัปลักษณ์ คนเราจึงมีความแตกต่างกันตามความเชื่อของชนชาวจีนในตำนานนี้นั่นเอง 

เทพผานกู ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน

เทพผานกู ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน


ชนชาวจีนเชื่อว่า โลกและจักรวาลทั้งมวลได้เกิดขึ้นจาก เทพยักษ์ตนหนึ่ง นามว่า เทพบิดรผานกู



ตั้งแต่เริ่มแรกยังไม่มีสรรพสิ่งหรือสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น ชาวจีนจึ่งมีความเชื่อที่ว่าจักรวาลนั้น เปรียบเสมือนไข่ฟองหนึ่งนั้นเอง ซึ่งภายในเปือกไข่นั้นก็มีแต่ความมืดมิด และแล้วภายในไข่ใบนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งอาศัยอยู่นั้นคือ เทพผานกูนั้นเอง ผานกูได้อาศัยอยู่ในไข่เป็นระยะเวลามาอย่างยาวนานกว่า 18000 ปี จึงได้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล เมื่อเทพบิดรผานกูได้ตื่นขึ้นมากก็พบตนเองนั้นอยู่กับความมืดมิดและความอึดอัด เทพบิดรผานกูไม่ชอบอยู่ในสภาพอย่างนี้ เขาเลยทำการทำลายหรือทลายไข่ฟองนี้ โดยใช้ขวานที่เป็นอาวุธคือกายของตนฟันฝ่าจนไข่นั้นจนแตกออกจากกันเป็นสองส่วน ละอองควันภายในไข่ใบนี้ที่ถูกกักขังมานาน ก็ได้ลอยขึ้นไปเป็นท้องฟ้าหรือผืนฟ้า และเปลือกไข่ก็จมลงจนกว่าเป็นผืนดิน ฟ้าและดินก็ได้บังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อฟ้ากับดินได้แยกออกจากกันแล้ว แต่เทพผานกูก็เอายังกลัวว่าฟ้ากับดิน จะกลับมาร่วมตัวกันอีกเป็นครั้งที่สอง และตนเองก็กลัวต้องอึดอัดอีกเป็นแน่  ผานกูจึงเอาคล่ำฟ้าโดยใช้ให้มือดันท้องฟ้าขึ้น ส่วนผืนดินใช้เท้าเหยียบไว้ เทพผานกูทำเช่นนี้เป็นรยะเวลานานกว่าหมื่นปีจนท้องฟ้าและผืนดินแยกออกจากกันอย่างถาวรแน่นอนแท้แล้ว ผานกูก็ได้หมดพลังลงหลัง จากการใช้ร่างของตนเองแยกท้องฟ้ากับผืนดินมานานกว่าหมื่นปี สุดท้ายร่างกายของเทพผานกูก็ได้กลายเป็นโลกใบนี้ ซึ่งมีผู้กล่าวไว้ว่า ร่างกายของเทพบิดรผานกูกลายเป็นโลก และส่วนต่างๆ แม้แต่อวัยวะบางอย่างของเทพผานกูก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกได้แก่

- ดวงตาทั้งสองข้างของเทพผานกูได้กลายเป็น ดวงอาทิตย์ กับ ดวงจันทร์
- เส้นผมของเทพผานกูได้กลายเป็น ดวงดาว
- กระดูกของเทพผานกูได้กลายเป็น ภูเขา
- ผิวกายของเทพผานกูได้กลายเป็น ดิน
- ไขข้อของเทพผานกูได้กลายเป็น มุก และ หยก
- เลือดของเทพผานกูได้กลายเป็น น้ำไหลไป เป็น แม่น้ำลำคลอง และ มหาสมุทร
- เหงื่อของเทพผานกูได้กลายเป็น บ่อน้ำ และ ฝน
- ลมหายใจของเทพผานกูได้กลายเป็น สายลม
- ฟันของเทพผานกูได้กลายเป็น แร่ทองคำ

รวมตำนานเทพนวนิยาย

การสร้างโลก กำเนิดซูล ตำนาน เทพ นวนิยาย กรีก โรมัน กำเนิด ตำนาน เทพ นวนิยาย กรีก โรมัน กำเนิด เทพไทแทน ตำนาน เทพ นวนิยาย กรีก โรมัน กิเลน ตำนาน สัตว์ ใน เทพ นวนิยาย โครนัส ตำนาน เทพ นวนิยาย กรีก โรมัน เจ้าแม่หนี่วา ดินแดน ตำนานเทพ นวนิยาย กรีก โรมัน ตำนาน เทพ นวนิยาย จีน ตำนานเทพนวนิยายศาสนาพราหมณ์ ตำนาน เทพ นวนิยาย สแกนดิเนเวีย ตำนาน เทพ นวนิยาย อียิปต์ ท้าวจตุโลกบาล เทพเจ้ารา เทพผานกู บทนำตำนานเทพนวนิยายกรีกโรมัน พระจันทร์ พระพฤหัส พระพุธ พระราหู พระศุกร์ พระเสาร์ พระอังคาร พระอาทิตย์ เวตาล ตำนาน สัตว์ ใน เทพ นวนิยาย สงคราม ตำนาน เทพ นวนิยาย กรีก โรมัน ครั้งที่1 สัตว์ ใน เทพ นวนิยาย ฮก ลก ซิ่ว